ธรณีประตู เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของบ้านที่หลาย ๆ คน อาจยังไม่เคยรู้ วันนี้ Usfurnish จะพาทุกคนไปทำความรู้จักเกี่ยวกับธรณีประตูกันเลย
คำว่าธรณีประตูที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ ส่วนล่างที่อยู่ระหว่างวงกบประตูซ้าย-ขวา มักจะมีลักษณะสูงขึ้นจากระดับพื้น 5 เซนติเมตรขึ้นไป โดย 5 เซนติเมตรเป็นมาตรฐานของการยกธรณีในบ้าน หรืออาจจะน้อยกว่านั้นในบางบ้าน แต่ธรณีประตูจะยกสูงมากกว่า หรือ น้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับหลักของบ้านแต่ละหลัง ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว จะสันนิษฐานว่าธรณีประตูที่สร้างบนบ้านเรือน มีต้นแบบมาจากที่สร้างบนวัดวาอาราม
เนื่องจากในอดีตเริ่มมีการสร้างธรณีประตูแรกเริ่มเดิมทีนั้น มาจากการสร้างวัด จะสังเกตเห็นว่าในวัด การเข้าโบสถ์จะมีธรณีที่ยกสูงมาก สูงกว่าบ้านเรือนคนปกติ เพราะธรณีประตูสามารถป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้ปลิวจากพื้นเข้าสู่ห้องได้ยากขึ้น ช่วยปิดแสงลอดใต้ประตูได้ นอกจากนั้นยังสามารถป้องกันน้ำฝนไหลเข้าบ้าน ในกรณีฝนตกหนักและระบายน้ำลงใต้ถุนไม่ทันได้อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวนั้น ทำให้ธรณีประตูยังคงได้รับความนิยมต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน
ความสำคัญของธรณีประตู
ธรณีประตูมีมาตั้งแต่สมัยก่อนในอดีตที่เทคโนโลยียังไม่เจริญเท่าปัจจุบัน ธรณีประตูมีความสำคัญอย่างมากกับบ้านเรือนในสมัยก่อน ที่การปลูกสร้างอาคารต่าง ๆ ไม่ได้ใช้ตะปูในการยึดติด การทำบานประตู และ วงกบนั้นต้องอาศัยการเข้าเดือยไม้เป็นกรอบเพื่อให้ประตูนั้นแข็งแรงคงทน ทนทาน กันน้ำเข้า จึงจำเป็นต้องมีไม้รับล่างวงกบด้วยการเข้าเดือยยึดติดวงกบไม้ 4 มุม จึงได้เกิดเป็นธรณีประตูขึ้นมาเพราะเมื่อมีไม้รองรับด้านล่างแล้ว ก็จะทำให้สูงขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันฝุ่นละอองไปในตัว ดังนั้นจึงต้องสร้างธรณีประตูให้ใหญ่เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน จะได้ไม่เดินสะดุดล้มนั่นเอง
ความเชื่อเกี่ยวกับธรณีประตูตามหลักฮวงจุ้ย
บางหลักฮวงจุ้ยธรณีประตูเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญกับการสร้างบ้าน เช่น ถ้าแบบที่สร้างลักษณะนี้ควรจะมีธรณีประตูเอาไว้จะได้เก็บเงินอยู่ เงินไม่รั่วไหลออกไป เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณมีความเชื่อในเรื่องของหลักฮวงจุ้ยก็ควรศึกษาข้อมูลฮวงจุ้ยก่อนว่าบ้านของคุณเหมาะกับการมีธรณีประตูหรือไม่ แล้วถ้าเหมาะ จะเหมาะกับแบบไหน ควรศึกษาหลาย ๆ ทางไว้ เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น แต่หลักฮวงจุ้ยกับคำแนะนำจากสถาปนิกก็อาจจะไม่สอดคล้องกันในบางกรณี ดังนั้นหากคุณมีความเชื่อเรื่องดวงตามหลักฮวงจุ้ย ก็ควรศึกษาสภาพแวดล้อม และโครงสร้างของบ้านตนเองด้วยว่า ควรตกแต่งภายในอย่างไร จึงจะเหมาะสมลงตัวที่สุด