เศรษฐกิจแบบนี้ จะรอดแหล่ไม่รอดแหล่ และหากคุณเป็นเพียงพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนค่อนข้างเยอะอยู่แล้วด้วยนั้น ก็คงสู้ค่าเช่าคอนโดที่แพงหูฉี่สวัสดิการดี๊ดีไม่ไหว จะให้ซื้อขึ้นมาเป็นชื่อตัวเองเลยก็ไม่ได้อีก ฉะนั้น ก็คงต้องจำใจ และตัดใจอยู่ห้องธรรมดา หรือหรูขึ้นอีกหน่อยก็ห้อง Studio ไป แหม อะไรมันจะเศร้าขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม เราขอให้คุณหยุดความเศร้าเอาไว้ก่อน เพราะทุกอย่างมันมีทางออก โดยเฉพาะหากคุณกำลังมองหาเทคนิควิธีที่จะทำให้บ้านหรือคอนโดของคุณดูใหญ่ขึ้น โล่ง โปร่ง สบาย แถมมี Function ครบจบในที่เดียว โดยที่ค่าเช่ายังราคาเหมือนเดิมทุกอย่าง คุณมาถูกที่แล้วล่ะ เพราะบทความนี้เรามี 5 เทคนิคเปลี่ยนห้องเล็กให้เป็นห้องหรู Function ครบมาฝาก รับรองว่าถูกใจคุณแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
5 เทคนิคเปลี่ยนห้องเล็กให้เป็นห้องหรู Function ครบ
- ผนังห้องควรใช้สีโทนอ่อน
การเลือกใช้สีขาว หรือสีโทนอ่อน อาทิ สีครีม สีเขียวอ่อน สีฟ้า ฯลฯ กับพื้นผนัง หรือฝ้าเพดาน จะทำให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น แถมยังดูสบายตาอีกด้วย - พึ่งพาแสงธรรมชาติ และลดมุมมืด
แสงธรรมชาติจากภายนอกที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง จะช่วยทำให้บรรยากาศของห้องดูปลอดโปร่ง โล่ง สบายมากขึ้น แต่ในทางกลับกันหากห้องมืดก็จะยิ่งทำให้ห้องดูแคบ อึดอัด ดังนั้น คุณจึงควรมีโคมไฟไว้ใช้เพื่อเพิ่มความสว่างภายในห้อง ซึ่งอาจจะมีโคมไฟดวงละ 1 มุมก็ได้ โดยคุณสามารถเลือกใช้โคมไฟได้หลากหลายประเภทเลย อาทิ ไฟ LED สำหรับมุมหลบที่ฝ้าเพดาน ภายในตู้ หรือชั้นวางของ เป็นต้น - แบ่งพื้นที่ด้วยฉากโปร่ง
การทำผนังทึบ หรือกั้นห้องจะทำให้ห้องดูแคบลง ดังนั้น คุณจึงควรใช้เป็นฉากกั้นแบบโปร่งเพื่อให้มองทะลุได้ หรือใช้ม่านเนื้อบางโปร่งแสงแทน เพื่อให้ได้แสงสว่างแบบนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น - เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชัน
เมื่อห้องมีขนาดที่จำกัด เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทั้ง เตียง โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ จึงควรเลือกใช้ประเภทที่ไม่เทอะทะ และสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย อาทิ- โต๊ะ ควรเลือกใช้ประเภทที่ขาโปร่งสามารถเก็บของได้ หรือเลือกเป็นประเภทที่พับเก็บไปข้างผนัง บิ้วอินไปเลยก็ดี เพื่อประหยัดเนื้อที่ และสามารถใช้งานได้หลากหลายนั่นเอง
- เตียง อย่าเลือกเตียงที่ดูใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้ห้องดูแน่นและกินเนื้อที่ ลองหาเตียงรุ่นที่สามารถเก็บของได้ใต้เตียง หรือเลือกเตียงที่ปรับเป็นโซฟาได้จะดีกว่า
- ปูพรมแบ่งพื้นที่
การปูพรมหลายๆ ขนาด สามารถช่วยหลอกสายตาว่าห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ โดยจัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนตามการใช้งานได้เลย
หลังจากนี้ ก็ถึงเวลาเปลี่ยนห้องเล็กให้เป็นห้องใหญ่แล้ว แต่เราจะใช้จะบริการบริษัทรับ ออกแบบ ตกแต่ง ภายในดี หรือจะออกแบบเองทุกขั้นตอนไปเลยดีนะ ? และหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีคำถามนี้ เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
บริการบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน VS ออกแบบเองทุกขั้นตอน
- การใช้บริการบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน
การใช้บริการบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน บ้าน คอนโด โดยจ้างสถาปนิก หรือมัณฑนากร ถึงแม้วิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่คุณก็มั่นใจได้เลยว่า คุณจะได้บ้านดั่งในจินตนาการที่คุณไฝ่ฝันแน่นอน เพราะทางบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน สถาปนิก หรือมัณฑนากร จะมีประสบการณ์ในการทำงานที่โชกโชน ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้านของคุณถึงจะออกมาดูดีและถูกต้องแม่นยำเป๊ะๆ เหมือนที่คุณต้องการ อีกทั้งบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน สถาปนิก หรือมัณฑนากรยังมีการทำภาพจำลองบรรยากาศ หรือภาพ 3D ให้คุณเห็นก่อนลงมือทำ นอกจากนี้ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน สถาปนิก หรือมัณฑนากรยังมีการเขียนแบบก่อสร้าง และคุยกับผู้รับเหมาให้คุณ ซึ่งจะลดความผิดพลาดในการก่อสร้างได้อีกด้วย
- ออกแบบเองทุกขั้นตอน
การออกแบบเองทุกขั้นตอน วิธีนี้ค่อนข้างประหยัด แต่คุณต้องอาศัยการทำการบ้าน และเก็บข้อมูลมากพอสมควรเลยล่ะ ซึ่งอันดับแรกคุณจะต้องกำหนดความต้องการของคุณ และวางแนวความคิดให้เป็นระบบเสียก่อน หลังจากนั้นหากคุณอยากเห็นภาพห้องหรือบ้าน คุณก็อาจจะต้อง Sketch หรือเอาไปจ้างคนทำภาพ 3D โดยราคาจะตกอยู่ที่ภาพละ 3000 – 5000 บาท สรุปแล้ว การออกแบบเองทุกขั้นตอนนี้จะเหมาะกับบ้านที่มีขนาดเล็ก ไม่ต้องแต่งอะไรมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะใช้จะบริการบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในดี หรือจะออกแบบเองทุกขั้นตอนดี ต่างก็มีข้อดีเป็นของตัวเอง ดังนั้น เลือกเอาที่ตัวคุณเองแฮปปี้ และสบายใจก็พอแล้วล่ะ