แม้ว่าการตกแต่งบ้านหรือคอนโดนั้นไม่ใช่เรื่องยากมากนัก แต่ไม่ควรชะล่าใจ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน หากต้องการเลือกใช้บริการรับออกแบบภายใน เพื่อได้บ้านและคอนโดที่ถูกใจทั้งภายนอกภายใน ควรชั่งน้ำหนักระหว่างความสวยงามกับประโยชน์ใช้สอยให้ดีเสียก่อน ผู้อยู่อาศัยควรให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนในการสร้างอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยการตกแต่งภายในให้สมบูรณ์นั้น มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.คิด สรุป และเตรียมข้อมูลสำหรับบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน
ก่อนจะเริ่มหาบริษัทรับออกแบบภายใน เจ้าของบ้านควรทำความเข้าใจความต้องการของตนเอง และ สมาชิกในครอบครัวก่อนว่าต้องการที่อยู่อาศัยแบบใด การใช้งานแต่ละห้องเป็นอย่างไร ตกแต่งสไตล์ไหน และสรุปความต้องการออกมาให้ชัดเจน หากมีภาพตัวอย่างประกอบด้วยยิ่งดี เพื่อให้นักออกแบบภายในทำความเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยตัดปัญหาเจ้าของบ้านปรับเปลี่ยนงานในภายหลัง ซึ่งอาจทำให้งานเกิดความล่าช้ากว่ากำหนด รวมถึงทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เนื่องจากต้องรื้องานแก้ใหม่
2. ทำความรู้จักสไตล์งานของนักออกแบบภายในที่ชอบ
อินทีเรียแต่ละคนมีสไตล์การออกแบบที่ไม่เหมือนกัน บางคนถนัดงานสไตล์โมเดิร์น บางคนอาจถนัดสไตล์คลาสสิก หากผู้จ้างชอบงานประเภทไหน ควรเลือกมัณฑนากรที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบตกแต่งภายในในสไตล์นั้นๆ หรือเลือกใช้บริษัทที่มีมัณฑนากรหลากหลายสไตล์ เพื่อให้ได้แบบที่ตรงใจ ซึ่งถ้าหากผู้อยู่อาศัยมีงบประมาณที่จำกัด สามารถแจ้งมัณฑนากรให้ทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหางบบานปลาย
3. สำรวจความเชี่ยวชาญของมัณฑนากร และ บริษัทออกแบบภายใน
การจะเลือกบริษัทออกแบบภายใน ไม่ใช่เพียงแค่พิจารณาจากรูปผลงานที่นำเสนอเท่านั้น แต่ควรพิจารณาร่วมกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาควบคู่กันไปด้วย ว่ามีการทำงานอย่างเป็นระบบหรือไม่ เริ่มตั้งแต่มีทีมนักออกแบบตกแต่งภายใน ควรเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญ ประสานงานรวดเร็ว รับฟังความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
4. พูดคุยกับนักออกแบบตกแต่งภายใน
เนื่องจากการตกแต่งบ้านเป็นงานที่ละเอียดอ่อน มัณฑนากร หรือ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในควรทำความเข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านในทุกมิติ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ที่ต้องการเพื่อให้งานออกมาในทิศทางที่สอดคล้องกัน รวมถึงแนวคิด สไตล์ การใช้สี การเลือกวัสดุ เป็นต้น ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีจะทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และ นำเสนอไอเดียของตนสอดแทรกไปในงานอย่างใส่ใจเพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
5. พูดคุยกับนักออกแบบตกแต่งภายใน
บริษัทรับออกแบบภายในที่ดีมีความน่าเชื่อถือ จะต้องมีการแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถเตรียมงบประมาณล่วงหน้าได้ และ ป้องกันปัญหางานออกแบบตกแต่งภายในล่าช้ากว่ากำหนด เมื่อมีการพูดคุยถึงความต้องการอย่างชัดเจนแล้ว เจ้าของบ้านอาจขอใบเสนอราคา และ รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าบริการใช้จ่ายแอบแฝงต่างๆได้เลย
การออกแบบตกแต่งภายใน อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อาคาร ออฟฟิศ หรือร้านค้า งานออกแบบตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ รวมถึงสไตล์ที่สะท้อนผ่านงานตกแต่ ทั้งนี้งานออกแบบตกแต่งภายในจะสำเร็จลุล่วงตามความต้องการได้ ขึ้นอยู่กับ Interior designer ซึ่งมีหน้าที่ออกแบบ วางแผน และควบคุมงานสถาปัตยกรรมภายในอาคาร ทั้งในด้านศิลปะ เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงาม รวมถึงมาตรฐานในเชิงโครงสร้างการใช้งาน ซึ่งนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีควรจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. เข้าใจ และ ตอบโจทย์ทุกจินตนาการ
นักออกแบบที่ดีต้องสามารถแนะนำได้ว่าในพื้นที่ลักษณะนี้เมื่อรวมกับความต้องการของลูกค้าแล้ว สามารถผสมผสานออกมาให้ลงตัวได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำภาพในความคิดของลูกค้า ออกมาเป็นรูปเป็นร่างที่เห็นชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ได้ห้องในฝันตามแบบที่ผู้อยู่อาศัยต้องการ
2. ให้ความสำคัญถึงประโยชน์ในการใช้สอย
การตกแต่งบ้านให้สมบูรณ์ คือการผสมผสานระหว่างศาสตร์ และ ศิลป์ ตั้งแต่การจัดวางพื้นที่ รวมไปถึงคำนึงถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และการบิ้วอินที่มีความแตกต่างกันในการบิ้วอินบ้าน บิ้วอินคอนโด หรือสถานที่อื่นๆ ไปจนถึงหลักการออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนหนึ่งจะใช้หลักการนำพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย และ สัดส่วนของผู้อยู่อาศัยมาออกแบบ เช่น ส่วนสูง การเดิน การกางแขน จำนวนผู้ใช้งานในพื้นที่นั้นๆ นำมาวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อน เพื่อจัดสรรพื้นที่ให้ลงตัว เหมาะสมเเก่การอยู่อาศัย พร้อมใช้งานมากที่สุด
3. มีความเชี่ยวชาญในงานออกแบบตกแต่งภายใน อาศัยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
เนื่องจากการทำบ้านมีงานของโครงสร้างอาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมาก รวมถึงการเลือกใช้วัสดุ และ สีสันให้เหมาะสมกับพื้นที่ ความเชี่ยวชาญจาก Interior Designer จึงมีส่วนสำคัญในการออกแบบเพื่อช่วยให้พื้นที่ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
4. ถ่ายทอดความต้องการได้ตรงใจ
ปัญหาที่พบเจอได้บ่อยของการควบคุมงานออกแบบตกแต่งภายในเอง คือการได้รับงานที่ไม่ตรงตามความต้องการ อาจมีสาเหตุมาจากการสื่อสาร การใช้คำศัพท์เทคนิคเฉพาะทาง ทำให้ผู้รับเหมาไม่เข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสารได้ครบถ้วน รวมถึงอาจทำให้งานล่าช้า แต่ Interior Designer จะเป็นคนกลางที่ช่วยสื่อสารความต้องการของผู้จ้างและผู้รับเหมาได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น
5. ทำงานคุ้มค่าเงิน ประหยัดเวลา และได้คุณภาพ
นักออกแบบภายในจะช่วยควบคุมเรื่องงบประมาณไม่ให้บานปลาย จากการลองผิดลองถูก เช่น การเลือกเฟอร์นิเจอร์ วอลล์เปเปอร์ ของตกแต่ง ตลอดจนเรื่องของคุณภาพงานผลิตที่ Interior Designer ช่วยตรวจสอบก่อนรับมอบงานเสมอ
US Furnish เรามีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการทำงานตกแต่งภายใน งานบิ้วท์อิน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สามารถถ่ายทอดงานที่ออกแบบให้มีความสร้างสรรค์ ทันสมัย และตามสไตล์ของผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุดในทุกขั้นตอน US Furnish พร้อมดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อให้บ้านและคอนโดในฝันของคุณกลายเป็นความจริง